
McLaren GT
McLaren GT ซูเปอร์คาร์ Grand Tourer 620 แรงม้า ที่ถูกออกแบบให้วิ่งข้ามจังหวัดแบบสบายๆ!!!
เมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว McLaren Automotive ได้เปิดตัวรถยนต์ประเภท Grand Tourer ที่ไม่เหมือนใคร นั้นคือ McLaren GT ที่มาพร้อมความสง่างามและล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น ด้วยการผสมผสานการออกแบบที่สวยงามรวมเข้ากับการใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงเพื่อมอบความสามารถแบบซูเปอร์คาร์อย่างแท้จริง
“McLaren GT ผสานสมรรถนะระดับการแข่งขันเข้ากับความสามารถในการเดินทางข้ามทวีป ห่อหุ้มด้วยตัวถังที่สวยงาม และยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบรถยนต์ Superlight ของ McLaren โดยมีข้อได้เปรียบด้านน้ำหนักเหนือคู่แข่งอย่างชัดเจน ออกแบบมาเพื่อระยะทางไกล ให้ความสะดวกสบายและพื้นที่กว้างขวางตามที่คาดหวังจากรถยนต์แกรนด์ทัวเรอร์ แต่ยังคงความคล่องตัวในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถระดับเดียวกัน กล่าวโดยสรุป นี่คือรถยนต์ที่จะนิยามแนวคิดของรถยนต์แกรนด์ทัวเรอร์ขึ้นใหม่ ในแบบที่ McLaren เท่านั้นที่ทำได้” Mike Flewitt CEO ของ McLaren ในขณะนั้นกล่าวกล่าว
โดยคำว่า GT นั้น ย่อมาจากคำว่า Grand Touring ซึ่งคือรถยนต์ที่เหมาะสำหรับการขับขี่ทางไกลที่มาพร้อมความสะดวกสบาย สามารถทำความเร็วสูงได้และมีพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระที่มากถึง 420 ลิตร นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บของด้านหน้าอีก 150 ลิตร
เมื่อพูดถึงการออกแบบ McLaren เลือกที่จะออกแบบ GT ให้มีเส้นสายภายนอกที่ยาวและสง่างาม พร้อมบังโคลนหลังที่ดูแข็งแกร่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่านี่คือซูเปอร์คาร์สำหรับการเดินทางไกลมากกว่ารถยนต์ที่เน้นการใช้งานในสนามแข่ง GT มีความยาวเกือบ 4.7 เมตร ซึ่งหมายความว่ามันยาวกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆในตระกูล Sport Series หรือ Super Series
ระยะยื่นด้านหน้าและด้านหลังยื่นออกมามากกว่าที่เราเคยเห็นใน McLaren รุ่นอื่นๆ ขณะที่มุมยื่นด้านหน้า 10 องศา (13 องศาเมื่อยกตัว) ช่วยให้รถรับมือกับ "มาตรการควบคุมการจราจรที่ดุดันที่สุด" ยิ่งไปกว่านั้น ระยะห่างใต้ท้องรถที่ 4.3 นิ้ว / 110 มม. (5.1 นิ้ว / 130 มม. เมื่อยกตัว) ทำให้ GT สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพการจราจรในเมือง ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ยังอ้างว่าในโหมดยกตัว ระยะห่างจากพื้นของซูเปอร์คาร์คันนี้เทียบเท่ากับรถเก๋งทั่วไป
เพื่อมอบความสะดวกสบาย McLaren GT มาพร้อมเบาะนั่งปรับไฟฟ้าและปรับอุณหภูมิได้อันเป็นเอกลักษณ์และได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อมอบความสะดวกสบายเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็มีระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจาก Bowers & Wilkins พร้อมลำโพง 12 ตัว
สำหรับระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 7 นิ้วที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ มาพร้อมกับระบบแผนที่นำทาง HERE และข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ วิทยุดิจิทัล DAB (หรือวิทยุดาวเทียม Sirius ในอเมริกาเหนือ) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่นเดียวกับระบบควบคุมสภาพอากาศแบบดูอัลโซน ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถตั้งค่าได้เองโดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกัน ผู้ขับขี่จะได้รับข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ผ่านหน้าจอ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งมีกราฟิกคล้ายกับที่พบในเครื่องบิน
McLaren GT จะใช้ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งน้ำหนักที่เบาที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ที่ 1,530 กก. นั่นทำให้ McLaren GT นั้นมีน้ำหนักเบากว่าคู่แข่งหลักที่ใกล้เคียงที่สุดมากกว่า 130 กก. และด้วยพละกำลังสูงสุด 620 แรงม้าและแรงบิด 630 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ทำให้ McLaren GT มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ 405 แรงม้าต่อตัน
เมื่อใช้โหมด Launch Control แล้ว McLaren GT จะสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.1 วินาที เเละ 0-200 กม./ชม. ใน 9.0 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 326 กม./ชม.
ด้วยสมรรถนะทั้งหมด ทำให้ Mike Flewitt CEO ของ McLaren ในขณะนั้นถึงกับกล่าวว่า “McLaren GT ผสานสมรรถนะระดับการแข่งขันเข้ากับความสามารถในการเดินทางข้ามทวีป ห่อหุ้มด้วยตัวถังที่สวยงาม และยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบรถยนต์ Superlight ของ McLaren โดยมีข้อได้เปรียบด้านน้ำหนักเหนือคู่แข่งอย่างชัดเจน ออกแบบมาเพื่อระยะทางไกล ให้ความสะดวกสบายและพื้นที่กว้างขวางตามที่คาดหวังจากรถยนต์แกรนด์ทัวเรอร์ แต่ยังคงความคล่องตัวในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถระดับเดียวกัน กล่าวโดยสรุป นี่คือรถยนต์ที่จะนิยามแนวคิดของรถยนต์แกรนด์ทัวเรอร์ขึ้นใหม่ ในแบบที่ McLaren เท่านั้นที่ทำได้”
สำหรับใครที่กำลังมองหาซูเปอร์คาร์ที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน ขณะเดียวกันก็สามารถออกทริปแบบเดินทางไกลได้อย่างสบายๆ เจ้า McLaren GT คันนี้ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่สำคัญนั้น McLaren GT คันนี้ วิ่งได้เพียง 6,600 กม. ที่เรียกได้ว่าจอดมากกว่าขับ!!!
Products
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit.






























